เปิดตัว Pi Network Mainnet: ยุคใหม่ของการขุดบนมือถือ

การเปิดตัว Pi Network Mainnet ที่รอคอยกันมาอย่างยาวนานก็เกิดขึ้นได้ในที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับโลกคริปโทเคอร์เรนซี เหตุการณ์นี้ได้พลิกโฉม Pi จากระบบนิเวศแบบปิดไปเป็นบล็อกเชนที่อนุญาตให้มีธุรกรรมภายนอก มีการลิสต์บนการแลกเปลี่ยน และมีกรณีการนำไปใช้งานในโลกความเป็นจริง

Pi Network เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวงการคริปโตจากการมีระบบการขุดบนมือถือที่เป็นเอกลักษณ์และมีชุมชนผู้บุกเบิกขนาดใหญ่ ด้วยการเปิดตัว Pi Network Open Mainnet นี้ วันนี้ผู้ใช้จึงสามารถทำธุรกรรมเหรียญ Pi นอกเครือข่ายแบบปิดได้แล้ว โดยเป็นการผสานการทำงานเข้ากับตลาดคริปโตในวงกว้าง แต่สิ่งนี้จริงๆ แล้วมีความหมายอย่างไรสำหรับโปรเจกต์และผู้ใช้ เรามาหาคำตอบกัน

Pi Network คืออะไร

Pi Network คือโปรเจกต์คริปโทเคอร์เรนซีที่ออกแบบมาให้ทุกคนเข้าถึงได้ โดยช่วยให้ผู้ใช้สามารถขุดเหรียญ Pi ได้โดยใช้เพียงแค่สมาร์ทโฟนของตน สิ่งที่ทำให้แตกต่างไปจาก Bitcoin และ Ethereum ที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ราคาแพงและไฟฟ้ามหาศาลนั้นอยู่ตรงที่ Pi ใช้กลไก Proof of Consensus (PoC) ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถรับผลตอบแทนเป็นเหรียญได้โดยไม่ต้องลงแรงมากนัก

Pi Network เปิดตัวในปี 2019 โดยทีมงานศิษย์เก่า Stanford และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้มากกว่า 70 ล้านคนทั่วโลก

แพลตฟอร์มดำเนินงานใน 4 เฟส:

1. เฟส Beta (2019-2020) – ผู้ใช้สามารถขุดเหรียญ Pi ได้ แต่มีการจำกัดการโอน

2. เฟส Testnet (2020-2022) – นักพัฒนาได้ทดสอบบล็อกเชนและตรวจสอบยืนยันธุรกรรม

3. เฟส Mainnet แบบปิด (2022 - กุมภาพันธ์ 2025) – ธุรกรรมถูกจำกัดอยู่ภายในระบบนิเวศ Pi

4. เฟส Mainnet แบบเปิด (กุมภาพันธ์ 2025 - ปัจจุบัน) – สามารถทำธุรกรรมภายนอกและลิสต์บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนได้

ก่อนที่ Mainnet แบบเปิดของ Pi Network จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นั้น ผู้ใช้ยังไม่สามารถถอน เทรด หรือใช้ Pi ของตนนอกระบบนิเวศ Pi Network ได้

แต่เมื่อได้มีการเปิดตัว Pi Coin Mainnet แล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

Pi Network Open Mainnet หมายถึงอะไร

คำว่า “Open Mainnet” หมายถึงบล็อกเชนที่ดำเนินงานได้อย่างเต็มรูปแบบและเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ซึ่งหมายความว่าวันนี้ Pi Coin สามารถโอนไปยัง Wallet ภายนอก, เทรดบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี และนำไปใช้งานในโลกความเป็นจริงได้แล้ว เรามาดูกันว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรสำหรับผู้ใช้:

1. ธุรกรรมภายนอก – ผู้ใช้สามารถส่งและรับเหรียญ Pi นอกระบบนิเวศ Pi ได้

2. การลิสต์บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน – วันนี้ Pi Network สามารถลิสต์อยู่บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหลักๆ เช่น Bitget ได้แล้ว

3. การนำไปใช้งานเชิงธุรกิจ – วันนี้บริษัทต่างๆ สามารถผสานการทำงาน Pi เข้าเป็นวิธีการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์บน Mainnet ได้แล้ว

4. ระบบกระจายศูนย์ – การเปลี่ยนผ่านไปสู่ Mainnet ทำให้เครือข่ายมีความปลอดภัยและขยายการรองรับได้มากขึ้น

5. กิจกรรมที่เพิ่มขึ้น – นักพัฒนาสามารถเปิดตัว DApp บน Pi Network และเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้ใช้ในแง่ของการใช้งานบนบล็อกเชนได้

ฟีเจอร์หลักของการเปิดตัว Pi Network Mainnet

การเปิดตัว Mainnet ได้นำมาซึ่งการอัปเดตที่สำคัญหลายรายการ ช่วยเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและความน่าเชื่อถือให้กับ Pi Network ฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดมีดังนี้:

1. การยืนยัน KYB สำหรับธุรกิจ

เพื่อกระตุ้นการนำไปใช้งาน วันนี้ Pi Network จึงช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถผสานการทำงานเข้ากับ Mainnet ได้แล้วผ่านการยืนยัน Know Your Business (KYB) ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทที่ยอมรับ Pi เป็นวิธีการชำระเงินนั้นถูกต้องตามกฎหมายและเชื่อถือได้

2. การผสานการทำงานกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเพื่อการเทรด

ด้วยการที่ Pi Network ได้เปลี่ยนผ่านไปสู่ Open Mainnet นั้น ก็ได้ทำให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆ ทั้ง DEX และ CEX สามารถรองรับคู่เทรด Pi ได้แล้ว ซึ่งหมายความว่าในที่สุดผู้ใช้ก็สามารถซื้อ ขาย และเทรดเหรียญ Pi เป็นคริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่นๆ หรือเป็น Fiat ได้

3. การอัปเดตด้านความปลอดภัยและความสามารถในการขยายการรองรับ

Pi Network ได้เปิดตัว Node เวอร์ชัน 0.5.1 ซึ่งยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงรูปแบบการกระจายศูนย์ และเตรียมพร้อมสำหรับการจัดอันดับ Node สาธารณะ การอัปเกรดเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจได้ว่าบล็อกเชนจะยังคงปลอดภัยและขยายการรองรับได้เมื่อมีผู้ใช้มาเข้าร่วมเครือข่ายมากขึ้น

4. ระบบ Airdrop และรางวัล

ส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Mainnet นี้ก็คือ Pi Network ได้ปล่อย Airdrop มหึมามูลค่า 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยัน KYC แล้ว เป็นรางวัลตอบแทนให้กับผู้ใช้ในช่วงแรกเริ่มและกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมใน Open Network Challenge ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้สำรวจระบบนิเวศ Pi

มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหลังจากเปิดตัว Pi Network Mainnet

นับตั้งแต่เปิดตัว Pi Network Mainnet ก็ได้มีพัฒนาการที่สำคัญหลายประการเกิดขึ้น:

1. Pi Coin สามารถเทรดบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนได้แล้ววันนี้

ก่อนเปิดตัว Mainnet นั้น สามารถเทรด Pi Coin ได้เพียงในรูปแบบ IOU (สัญญา Futures) ในบางแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเท่านั้น โดยมีราคาเก็งกำไรอยู่ระหว่าง $61-$70 ต่อเหรียญ อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดตัวออกมาจริงๆ แล้ว ราคาได้พุ่งไปถึง $2.10 ก่อนที่จะทรงตัวอยู่ที่ราว $0.7 ในเดือนเมษายน 2025

2. ขยายการยืนยัน KYC และ KYB

ผู้ใช้ที่ได้ทำการยืนยัน Know Your Customer (KYC) เสร็จสิ้นแล้วจะสามารถโอน Pi ของตนไปยัง Mainnet แบบเปิดได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำการยืนยัน Know Your Business (KYB) มาใช้ด้วย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ยอมรับ Pi Coin เป็นการชำระเงินได้อย่างถูกกฎหมาย

3. DApp กำลังเติบโต

ระบบนิเวศ Pi รองรับ Smart Contract และ DApp แล้ววันนี้ โดยนักพัฒนาสร้างกรณีการนำไปใช้งานในโลกความเป็นจริงสำหรับ Pi Coin ได้

4. ธุรกิจต่างๆ เริ่มยอมรับ Pi Coin แล้ว

นับตั้งแต่มีการเปิดตัว Mainnet มานั้น ร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มยอมรับ Pi Coin สำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการมากขึ้น แต่การนำไปใช้งานก็ยังคงมีความจำกัดอยู่เนื่องด้วยปัญหาต่างๆ เช่น ความผันผวนของราคาและความไม่แน่นอนด้านการกำกับดูแล

Pi Coin สามารถใช้ชำระเงินได้หรือไม่

เป้าหมายหลักประการหนึ่งของ Mainnet แบบเปิดของ Pi Network คือการทำให้ Pi Coin เป็นสกุลเงินจริงสำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการ ธุรกิจบางแห่งได้เริ่มยอมรับ Pi Coin ในการทำธุรกรรมแล้ว แต่การนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายนั้นก็ขึ้นอยู่กับ:

● การยืนยัน KYB (Know Your Business) ทางธุรกิจเพื่อเปิดใช้งานบัญชีผู้ค้า

● มูลค่า Pi Coin ที่มีเสถียรภาพเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานในระยะยาว

● มี DApp และ Smart Contract เพิ่มมากขึ้นบนบล็อกเชน Pi

หากระบบนิเวศ Pi Network เติบโตขึ้น Pi Coin ก็อาจกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมสำหรับการชำระเงินและค่าบริการต่างๆ ได้

ความเสี่ยงและความท้าทายสำหรับ Pi Network

แม้ว่า Pi Network Open Mainnet จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังมีความท้าทายบางประการที่ต้องพิจารณา:

1. ความคลาดเคลื่อนของจำนวนผู้ใช้

Pi Network อ้างว่ามีผู้ใช้ 70 ล้านคน แต่จำนวน Wallet ที่แอคทีฟนั้นมีน้อยกว่านั้นมาก สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการนำไปใช้งานและสภาพคล่องได้

2. ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

อุปทานหมุนเวียนของ Pi เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากการเปิดตัว Mainnet ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นและมูลค่าในระยะยาว

3. ปัญหาการรวมศูนย์และความเป็นส่วนตัว

Pi Network กำหนดให้ต้องมีการทำ KYC ซึ่งทำให้บางคนตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นในเรื่องระบบกระจายศูนย์และความเป็นส่วนตัว

4. ความไม่แน่นอนด้านการกำกับดูแล

Pi Network อาจเผชิญกับความท้าทายจากรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลิสต์บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและการนำไปใช้งานในเชิงธุรกิจ

บทสรุป

การเปิดตัว Mainnet ของ Pi Network เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 นั้นถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับผู้บุกเบิกที่ใช้เวลาหลายปีในการขุด Pi Coin วันนี้เครือข่ายก็ได้เปิดแล้ว ผู้ใช้จึงสามารถเทรดและนำยอดถือครอง Pi ของตนไปใช้งานได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ระดับการนำไปใช้งานก็ยังคงช้ากว่าที่คาดไว้ และราคาก็ลดลงนับตั้งแต่เปิดตัว ไม่ว่า Pi Network จะกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลระดับโลกอย่างแท้จริงหรือจะค่อยๆ หายไปนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน การนำไปใช้งานในเชิงธุรกิจ และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ อนาคตของ Pi Network นั้นมีความไม่แน่นอน แต่ผลิตภัณฑ์ที่จะกำลังจะมีขึ้นบน Mainnet ก็จะเป็นตัวตัดสินว่า Pi Coin จะก้าวไปเป็นสกุลเงินดิจิทัลจริงได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่การทดลองในโลกคริปโตอีกตัว

แต่วันนี้ Pi Coin ก็ยังคงพัฒนาอยู่ โดยมีทั้งศักยภาพและความไม่แน่นอน

ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน